2013年1月15日星期二

PALIO KHAO YAI

PALIO KHAO YAI ได้ออกแบบและก่อสร้างเป็นกลุ่มอาคารถนนคนเดิน ด้วยสถาปัตยกรรมแบบยุโรป มีร้านเล็กๆ เป็นแนวลดหลั่นเรียงกัน รอต้อนรับลูกค้า และผู้มาเยือนจากที่ต่างๆ ประมาณ 120 ร้านค้า โดยการจัดสรรพื้นที่บริการ และขายสินค้าหลายประเภท เช่น


ของแต่งบ้าน         เสื้อผ้าแฟชั่น

เครื่องประดับ         งาน Design ต่างๆ

ร้านไวน์                Coffee Shop

Bakery                Pub & Restaurant

ศูนย์อาหาร           Antiques & Collectibles

ร้าน IT                  Selected Brands

รวมทั้ง อีกหลากหลายพื้นที่พักผ่อนหย่อนใจ ได้แก่ สวนหย่อม น้ำพุ ลานอเนกประสงค์สำหรับจัดการแสดง หรือดนตรี หรือเปิดตัวสินค้าใหม่ ห้องแสดงสินค้าหรือนิทรรศการ และห้องพักบูติค

   แต่ละร้านจะได้รับการออกแบบให้มีสไตล์ และเอกลักษณ์ของตัวเอง แต่กลมกลืนไม่แปลกแยกในภาพรวม ประกอบกับภูมิทัศน์ล้อมรอบที่ดำรงความเป็นธรรมชาติของเขาใหญ่

เขาใหญ่มีผู้ที่มาท่องเที่ยวพักผ่อนปีละกว่า 1 ล้านคนมีโรงแรม และรีสอร์ท สำหรับนักท่องเที่ยวกว่า 2,000 ห้อง มีบ้านของคนกรุงเทพที่ใช้พักผ่อน กับครอบครัว และสังสรรค์กับเพื่อนฝูงในวันหยุดกว่า 2,000 หลัง และขยายตัวขึ้นตลอดเวลา มีสนามกอล์ฟ 6 แห่ง เป็นศูนย์อบรมสัมมนา ของหน่วยงานต่าง ๆ ทั้งภาครัฐ และเอกชนตลอดทั้งปี คุณคิดว่า เขาใหญ่น่าเที่ยว หรือน่าลงทุน หรือทั้งสองอย่าง

           ขอเชิญชวนท่านมาเสนอสินค้าและบริการใน PALIO KHAO YAI Landmark แห่งใหม่ที่ใคร ๆ ต้องมา และมากี่ครั้งกี่ทีก็มีความสุขกับการเดิน shopping อย่างเพลิดเพลิน และตื่นตาตื่นใจกับรูปแบบสถาปัตยกรรมยุโรป ที่คล้าย ๆ Little Italy




2012年12月23日星期日

Psychographic Segmentation



Psychographic Segmentation แบ่งตามคุณลักษณะทาง psychology และ demographic ผสมกัน ปัจจัยที่เกี่ยวข้องเพิ่มจาก demographic ได้แก่ lifestyle บุคลิกภาพ ค่านิยม ศาสนา ประเพณี วัฒนธรรม

รูปแบบของ Psychographic Segmentation ที่ได้รับความนิยมมาก ได้แก่ VALS framework ของ SRI Consulting business Intelligence ซึ่งแบ่งคนออกเป็น 8 กลุ่ม โดยใช้ข้อมูล แรงบันดาลใจของผู้บริโภค (Consumer motivation) ประกอบด้วย ideals, achievement, self – expression) ในมิติแนวนอน และทรัพยากรของผู้บริโภค (Consumer resources) ประกอบด้วยความเชื่อมั่นในตนเอง สติปัญญา ความต้องการสิ่งใหม่ๆ ความคิดริเริ่ม ความรวดเร็วในการตัดสินใจ ความเป็นผู้นา และความทะนงตัว

2012年11月25日星期日

SWOTของมัลดีฟส์

มัลดีฟส์ หรือชื่อทางการคือ สาธารณรัฐมัลดีฟส์เป็นประเทศที่มีพื้นที่ประกอบด้วยหมู่เกาะปะการังจำนวนมากในมหาสมุทรอินเดีย และตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศอินเดียและศรีลังกา

STRENGTHS:
1.ทัศนียภาพชายฝั่งทะเลที่สวยงาม เป็นเอกลักษณ์
2.คุณภาพของการบริการ
WEAKNESSES:
1.ประเภทภูมิทัศน์เดียว
2.การจราจรไม่สะดวก
3.ประเด็นทางการเมือง
OPPORTUNITIES:
1.ที่ไม่ซ้ำทิวทัศน์ริมทะเลเขตร้อน
2.สามารถที่จะดึงดูดมากของนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก
3.ที่มีชื่อเสียงทั่วโลก
THREATS:
1.เพิ่มขึ้นของระดับน้ำทะเล

2.ปัญหาสภาพภูมิอากาศ


2011年9月13日星期二

กำแพงเมืองจีน

ตอนซุ้มประตูปาต๋าหลิ่ง ตั้งอยู่ทางภาคเหนือของปักกิ่งออกไป ๗๕ กิโลเมตร กำแพงเมืองจีน ถูกถือว่า เป็น 1 ใน 7 สิ่งอันมหัศจรรย์ของโลก มีระยะทางยาวกว่า 7000 กิโลเมตร เป็นสิ่งก่อสร้างที่มีขนาดใหญ่ที่สุดและใช้เวลาสร้างนานที่สุดในโลก กำแพงเมืองจีน เริ่มขึ้นตั้งแต่ศตวรรษที่ 9 ก่อน ค.ศ.เพื่อป้องกันการรุกรานของชนชาติส่วนน้อยในภาคเหนือ ถึงปี 221 ก่อน ค.ศ.จักรพรรดิ จิ๋นซีได้เชื่อมกำแพงเมืองในแคว้นต่าง ๆ เข้าด้วยกัน เพื่อป้องกันการรุกรานจากชนชาติ

ส่่วนน้อยบนทุ่งหญ้าอันกว้างไพศาลในมองโกเลีย กำแพงเมืองจีนในสมัยนั้นมีระยะทางยาวกว่า 5000 กิโลเมตร หลังจากนั้น ผู้ปกครองของจีนในสมัยราชวงศ์ฮั่นไดสร้างกำแพงเมืองจีนต่อจนมี ระยะทางยาวกว่า 10000 กิโลเมตร ในช่วงระยะเวลากว่า 2000 ปี ผู้ปกครองของจีนในสมัยต่าง ๆ ต่างก็็เคยสร้างกำแพงเมืองไม่มากก็น้อย รวม ๆ แล้วมีระยะทางยาวกว่า 50000 กิโลเมตร ซึ่งสามารถล้อมโลกกว่า 1 รอบ โดยทั่วไปแล้ว กำแพงเมืองจีนในปัจจุบันหมายถึงกำแพงเมืองจีนสมัยราชวงศ์หมิง (ค.ศ.1368 -ค.ศ.1644)ระหว่างด่านเจียอี้กวนในมณฑลกันซู่ทางภาคตะวันตกถึงริมฝั่งแม่น้ำยาลู่ในข้างนอกของกำแพงเมืองจีนก่อด้วยอิฐก้อนใหญ่และแท่นหิน ข้างในถมด้วยดิน เหลืองและเศษหิน ความสูงประมาณ 10 เมตร สันกำแพงเมืองจีนกว้าง 4 ถึง 5 เมตร ให้ม้า 4 ตัวไปพร้อมกันได้ เพื่ออำนวยความสะดวกในการเคลื่อนย้ายทหาร ขนส่งอาหารและอาวุธยามศึก ด้านในของกำแพงเมืองมีประตูที่ทำบันไดหินไว้ การขึ้นลงสะดวกมาก ทั้งได้สร้างป้อมและป้อม จุดไฟสัญญาณแจ้งเหตุเป็นช่วง ๆ ป้อมเป็นที่เก็บอาวุธ อาหารและที่พักของทหาร ยามศึก ก็จะใช้เป็นที่กำบังได้ ถ้ามีศัตรูรุกเข้ามา ก็จะจุดไฟสัญญาณให้มีควันขึ้นบนป้อมแจ้งเหตุเพื่อส่งข่าวไปยังทั่วประเทศทันที กำแพงเมืองจีนมีความหมายทางประวัติศาสตร์ วัฒนธรรมและคุณค่าทางการท่องเที่ยวอย่างสูง ผู้คนในจีนซึ่งรวมทั้งนักท่องเที่ยวทั้งจีนและเทศแม้กระทั่งผู้นำต่างประเทศด้วยมักจะกล่าวกันว่า ถ้าไม่ขึ้นกำแพงเมืองจีนก็ไม่ใช่ผู้กล้า ปัจจุบันกำแพงเมืองจีนไม่มีสมรรถนะที่เป็นจริงในการีใช้เป็นป้อมศึกอีกแล้วแต่ก็ยังเป็นสิ่งที่น่าทึ่งในฐานะสถาปัตยกรรมอันสง่างามอย่างหนึ่งที่มีลักษณะพิเศษ เมื่อปี 1987 กำแพงเมืองจีนได้รับการคัดเลือกให้จัดเข้าสู่รายชื่อมรดกโลกในฐานะที่เป็น สัญลักษณ์ของประชาชาติจีน
ความจริงเกี่ยวกับ กำแพงเมืองจีน ที่เราควรรู้
มีข้อเท็จจริงเกี่ยวกับกำแพงเมืองจีนที่หลายๆ คนยังไม่เคยทราบมาก่อน

1. เราไม่สามารถมองเห็น กำแพงเมืองจีน จากดวงจันทร์
ไม่มีสิ่งก่อสร้างที่สร้าง โดยมนุษย์ แม้แต่อย่างเดียวที่สามารถมองเห็นจาก
ดวงจันทร์ ในระดับ low Earth orbit เราสามารถมองเห็นกำแพงเมืองจีน
โ ดยใช้ radar การมองเห็นกำแพงเมืองจีน เป็นไปได้ยากเนื่องจาก สีของ
กำแพงเมืองจีนจะกลืนไปกับสีของธรรมชาติ ก็คือสีของดิน หิน

2. กำแพงเมืองจีน ไม่ไช่กำแพงยาวตลอด
ความจริงแล้วกำแพงเมืองจีนถูกสร้างขึ้นในหลายยุคหลายสมัยกินเวลานับพันปี
โดยเป็นการเชื่อมต่อกำแพงแต่ละส่วนเข้าด้วยกัน จนเป็นแนวทอดยาวหลายพัน กิโลเมตร

3. กำแพงเมืองจีน เป็นเสมือนสุสานของผู้ก่อสร้าง
มีการบันทึกไว้ว่า นักโทษจากสงครามและทาสกว่า 1 ล้านคนถูกใช้เป็นแรงงงาน
เพื่อก่อสร้างกำแพงเมืองจีน ซึ่งจำนวนมากเสียชีวิตลงเนื่องจากความ เหน็ดเหนื่อย
และความหิวโหย ซึ่งศพผู้เสียชีวิตก็จะถูกฝังอยู่ข้างใต้กำแพงนั่นเอง นานนับ
ศตวรรษแล้ว ที่กำแพงเมืองจีนได้ชื่อว่าเป็นสุสานที่มีความยาวที่สุดในโลก
เป็นที่กล่าวขานกันว่าทุกๆ หนึ่งฟุตของกำแพงเมืองจีนก็คือหนึ่งชีวิตของ
ผู้ก่อสร้างกำแพง

4. ความยาวของ กำแพงเมืองจีน จนถึงขณะนี้ยังไม่มีใครทราบ
ความยาวที่แท้จริงของ กำแพงเมืองจีน
ในภาษาจีน จะเรียกกำแพงเมืองจีนว่า "กำแพงยาวหมื่นลี้" (หนึ่งลี้มีความยาวประมาณ 1/3 ไมล์) โดยคร่าวๆ กำแพงเมืองจีนมีความยาวประมาณ 4 พันไมล์ หรือ 6,350 กิโลเมตรทอดผ่านทุ่งหญ้า ทะเลทราย และเทือกเขาสูง ความสูงของกำแพงคือ 7 เมตร และกว้าง 5 เมตร

5. การก่อสร้างกำแพงเมืองจีน ช่วยป้องกันการรุกรานได้หรือไม่
การเข้าครองอำนาจของมองโกล และแมนจู ทั้งสองครั้งเกิดขึ้นจาก
ความอ่อนแอ ของราชวงศ์ที่ปกครองประเทศจีนในขณะนั้นๆ พวกเขาใช้โอกาสในขณะที่เกิดกบฎภายใน เข้ายึดครองประเทศจีน โดยมีการต่อต้านที่น้อยมาก

6. กำแพงเมืองจีน ไม่ได้เป็นแค่กำแพง
ทุกๆ 300 ถึง 500 หลา จะมีฐานบัญชาการเพื่อใช้สับ
เปลี่ยนเวรยามและใช้เป็นจุดสังเกตุการณ์ ี้ยังมีหอสังเกตุการณ์กว่า
1 หมื่นแห่ง

7. กำแพงเมืองจีน เป็นเส้นทางคมนาคม
ในระยะแรก ประโยชน์ของกำแพงเมืองจีนก็คือ มันช่วยให้การคมนาคม
และขนส่งในเส้นทางทุรกันดารเช่นตามเทือกเขาเป็นไปอย่างสะดวกยิ่ง
ขี้น

8. กำแพงเมืองจีน สร้างขึ้นโดยใช้อะไรเป็นส่วนประกอบ ก่อนที่จะมีการใช้อิฐในการก่อสร้างกำแพงเมืองจีนถูกสร้างขึ้น โดยใช้หิน ดิน และไม้ บางครั้งมีการแพ็คดินไว้ระหว่างไม้แผ่นใหญ่ และมัดไว้ด้วยกันโดยเสื่อทอบริเวณใกล้ กรุงปักกิ่ง กำแพงเมืองจีนถูกสร้าง โดยใช้หินอ่อน ในบางสถานที่กำแพงถูกสร้างโดยใช้หินแกรนิต บางแห่งก็ใช้ดินเผา ทางตะวันตกของจีน กำแพงถูกสร้างโดยใช้โคลน ทำให้ชำรุดได้้ง่ายกว่า กำแพงเมืองจีนที่เราเห็นกันทุก วันนี้ ส่วนใหญ่ถูกสร้างในราชวงศ์หมิง โดยใช้วัตถุที่ทนทานกว่าเช่นหิน

9. สภาพของ กำแพงเมืองจีน ในขณะนี้
รายงานผลการสำรวจของนักอนุรักษ์เมื่อปี 2004 กล่าวว่า ขณะนี้ กำแพงเมืองจีนที่ยาว 6,350 กิโลเมตร เหลือให้เห็นเพียง 1/3 เท่านั้น และกำลังสั้นลงเรื่อยๆ

2011年7月19日星期二

อุทยานประวัติศาสตร์ในประเทศไทย-----อุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาท

ครั้งพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชทรงสถาปนากรุงรัตนโกสินทร์ขึ้นเป็นราชธานี ได้มีการรื้ออิฐจากสถาปัตยกรรมในกรุงศรีอยุธยาเพื่อไปก่อสร้างกรุงเทพมหานคร ทำให้โบราณสถานต่าง ๆ ถูกทำลายและทิ้งร้างไป  ครั้นถึงสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดให้อนุรักษ์และฟื้นฟูโบราณสถานในกรุงศรีอยุธยาขึ้นอีกครั้ง
ในสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าฯ ให้พระยาโบราณราชธานินท์ ข้าหลวงมณฑลกรุงเก่าทำการขุดแต่งโบราณสถาน และปรับปรุงสภาพในพระราชวังโบราณ
เมื่อปี พ.ศ. 2478 กรมศิลปากรประกาศขึ้นทะเบียนโบราณสถานหลายแห่งในเกาะรอบเมืองพระนครศรีอยุธยาเป็นโบราณสถานสำคัญของชาติ รวม 69 แห่ง
ต่อมาในสมัยของ จอมพล ป. พิบูลสงคราม จึงได้เริ่มโครงการบูรณะพระที่นั่ง และวัดต่างๆ โดยมีกรมศิลปากรเป็นผู้ดูแล
ปี พ.ศ. 2512 ได้มีโครงการชื่อ โครงการสำรวจขุดแต่งและบูรณะปรับปรุงโบราณสถาน โดยมีความพยายามที่จะประสานงานร่วมมือกับองค์กรต่างๆ ในอันที่จะอนุรักษ์เมืองประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยาไว้
ในที่สุด พ.ศ. 2519 ได้มีการปรับปรุงโครงสร้างของงานชิ้นใหม่ แล้วจัดทำโครงการอุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยาขึ้น และเริ่มทำการบูรณะปรับปรุงโบราณสถานเป็นต้นมาตั้งแต่ พ.ศ. 2520
เหตุผลที่ได้รับคัดเลือกเป็นมรดกโลก

อุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยาได้จดทะเบียนเป็นมรดกโลกจากองค์การยูเนสโกภายใต้ชื่อ "นครประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยาและเมืองบริวาร" ในการประชุมคณะกรรมการมรดกโลกสมัยสามัญครั้งที่ 15 เมื่อปี พ.ศ. 2534 ที่เมืองคาร์เทจ ประเทศตูนิเซีย ด้วยข้อกำหนดและหลักเกณฑ์พิจารณาให้เป็นมรดกโลก ดังนี้
เป็นสิ่งที่ยืนยันถึงหลักฐานของวัฒนธรรมหรืออารยธรรมที่ปรากฏให้เห็นอยู่ในปัจจุบันหรือว่าที่สาบสูญไปแล้ว

2011年6月26日星期日

ปราสาทนครธม

นครธม (เขมร: អង្គរធំ) เป็นเมืองหลวงแห่งสุดท้ายและเมืองที่เข้มแข็งที่สุดของอาณาจักรขะแมร์ สถาปนาขึ้นในปลายคริสต์ศวรรษที่ 12 โดยพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 มีอาณาเขตครอบคลุมพื้นที่ 9 ตารางกิโลเมตร อยู่ทางทิศเหนือของ นครวัด ภายในเมืองมีสิ่งก่อสร้างมากมายนับแต่สมัยแรกๆ และที่สร้างโดยพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 และรัชทายาท ใจกลางพระนครเป็นปราสาทหลักของพระเจ้าชัยวรมัน เรียกว่า ปราสาทบายน และมีพื้นที่สำคัญอื่นๆ รายล้อมพื้นที่ชัยภูมิถัดไปทางเหนือ

 
ประตูทางเข้านครธมด้านใต้จุดเด่นที่สุดคือทางเข้าด้านใต้ ที่มีลักษณะเป็นหน้า 4 หน้า ก่อนจะเข้าสู่บริเวณนี้ จะเป็นแถวของยักษ์ (อสูร) ทางด้านขวา และเทวดาทางด้านซ้าย เรียงรายแบกพญานาคอยู่สองข้างสะพาน เมื่อเข้าสู่ใจกลางนครธมจะพบสิ่งก่อสร้างต่างๆ บริเวณประตูด้านใต้นี้ได้รับการอนุรักษ์ฟื้นฟูไว้ได้ดีกว่าบริเวณอื่นๆ อีก 3 ด้าน

ปราสาทนครวัด

ปราสาทนครวัดเป็น 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกที่ฝรั่งต่างชาติต่างยอมรับในความสวยงาม เราจะเห็นได้ว่า 5 ใน 7 ของสิ่งมหัศจรรย์ของโลกล้วนแต่อยู่ในประเทศฝรั่งเศสและสหรัฐอเมริกา  จะมีก็แต่เพียงปราสาทนครวัดและทัชมาฮาลเท่านั้นที่อยู่นอกประเทศทั้งสอง
    ปราสาทนครวัด เป็นประสาทศิลาแลงขนาดใหญ่โตมโหฬาร ที่ตั้งอยู่ในประเทศกัมพูชา จัดเป็นปราสาทศิลาขนาดใหญ่ที่ยังคงอยู่ ตระหง่านท้ากาลเวลานานหลายร้อยปี ผู้ที่สร้างนครวัดขึ้นมาเป็นพระองค์แรกคือพระเจ้าสุริยะวรมัน ที่ 2 โดยพระองค์มีพระประสงค์ที่จะยกพระฐานของกษัตริย์กัมพูชาให้เทียบเท่ากับเทพเจ้า ปราสาทนครวัดแห่งนี้จึงเป็นที่สถิตของพระวิษณุ เทพเจ้าสำคัญพระองค์หนึ่งตามความเชื่อของชาวกัมพูชา และพระองค์ทรงใช้สถานที่แห่งนี้ในการเผาพระบรมศพของพระองค์
    ต่อมาในยุคหลังกษัตริย์กัมพูชาองค์ต่อๆมา ได้ช่วยกันสานต่อเจตนาของบรรพบุรุษ มีการแต่งเติมและสิ่งก่อสร้างไปในแนวทางตามที่บรรพกษัตริย์ ในอดีตได้วางเอาไว้ ทำให้ชาวโลกมีโอกาสได้รับทราบถึงความเฉลียวฉลาดและความเป็นน้ำหนึ่งอันเดียวกันของชาวกัมพูชา
    ภายในบริเวณของตัวปราสาทจะรายล้อมไปด้วยอาคารต่างๆมากมาย มีถนนยาวหลายกิโลเมตร มีคูคลอง อ่างเก็บน้ำเอาไว้ใช้ภายในตัวอาคารและทางเดินเชื่อมจากอาคารหนึ่งไปยังอีกหลังหนึ่ง ความสามารถของชาวกัมพูชาใช่ว่าจะด้อยไปกว่าชาติอื่นๆในโลก เพราะมีการจัดสร้างคูคลองเชื่อมต่อกันหลายสายทำให้มองดูเหมือนตาข่ายขนาดใหญ่ครอบตัวเมืองเอาไว้  ทั้งนี้เพราะในอดีตชีวิตของประชาชนจะอาศัยการเพาะปลูกเป็นหลักในการดำรงชีวิต  น้ำจึงเป็นเสมือนปัจจัยหลักสำคัญที่ช่วยให้การเพาะปลูกและการดำเนินชีวิตเป็นไปด้วยดี
นอกจากความสามารถในการออกแบบตัวอาคารและการเชื่อมโยงคูคลองต่างๆเข้าหากันแล้วนั้น ตัวปราสาทนครวัดก็เป็นโบราณสถานที่แสดงให้เห็นถึงศิลปะการแกะสลักอันปราณีตของชาวกัมพูชาในอดีต บนศิลาจะเต็มไปด้วยภาพแกะสลักตามความเชื่อในอดีต ไม่ว่าจะเป็นการดำรงชีวิตของเทวดาและอสูรหรือการประกอบพิธีกรรมต่างๆในอดีต
เมื่อลองย้อนกลับไปดูในอดีต จะพบว่าในยุคหลังต่อมา พระเจ้าชัยวรมันที่ 1 ได้สถาปนาเมืองแห่งนี้เป็นเมืองหลวง มีชื่อว่า ยโสธรปุระ ซึ่งแรกเริ่มเดิมทีนั้นยังไม่ได้มีขนาดใหญ่โตอะไรมากมายนัก แต่ต่อมาภายหลังพระองค์ทรงวางแผนที่จะขุดคูน้ำล้อมรอบพื้นที่ มีการขุดสระเพื่อทำเป็นอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่เพื่อเป็นแหล่งเก็บกักน้ำไว้ใช้ในการเกษตร และกษัตริย์ในรุ่นหลังๆก็ได้ปฏิบัติตามแนวพระราชดำริ ทำให้ตัวเมืองขยายใหญ่มากขึ้น
สิ่งหนึ่งที่เป็นจุดสังเกตุและเป็นที่ที่ทุกคนเข้าเยี่ยมชมจะต้องไปดูกันให้ได้ก็คือ ภาพใบหน้าที่เปี่ยมไปด้วยรอยยิ้มที่ปรากฎอยู่บนอาคาร ทำให้ได้รับการขนานนามว่าเป็น "รอยยิ้มแห่งพระนคร"ทุกวันนี้ถึงแม้ว่าปราสาทวัดจะเหลือไว้แค่ซากปรักหักพัง แต่ก็ยังไว้ซึ่งมนคลัง และมนเสน่ห์ที่ชวนให้คิดถึงความเจริญรุ่งเรืองในครั้งอดีตของสถานที่แห่งนี้อยู่มิรู้ลืม